จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันอังคารที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2555

Part2 ความเชื่อและผลลัพธ์ (ตอนจบ)

จากความเดิมตอนที่แล้วนะครับ ติดไว้ที่สมการความเชื่อในอุดมคติที่เขียนออกมาดังนี้นะครับ

X = True  , Y = True     ;     X And Y = True   
X = True  , Y = False    ;    X And Y = False
X = False , Y = True     ;    X And Y = False
X = False , Y = False    ;    X And Y = False

เมื่อ   X = หลักการหรือแนวคิดที่คุณเชื่อ หรือจะเอาเป็นความศรัทธาที่คุณเชื่อก็ได้
        Y = เหตุการณ์หรือผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นเป็น True หรือ False จากแนวคิดหรือหลักการของตัวแปร X



จากสมการดังกล่าวเราจะรู้ได้อย่างไรว่า สิ่งที่เราเชื่อ ( X ) = True และจะทำให้ ( Y ) = True และสามารถ Approve ได้ว่า X ที่เราใช้นั้นคือ True จริงๆ ???  ผมว่าสิ่งนี้แหละคือสิ่งที่ทุกคนต้องการและยังค้นหากันต่อไปเพราะคนเราส่วนใหญ่โดยพื้นฐานมักต้องการความสมบูรณ์แบบ ที่อาจจะมีอยู่จริงหรือไม่จริงก็เป็นได้ ดังนั้นในสมการนี้ X = True  , Y = True  ;  X And Y = True ในความหมายของผมเปรียบได้กับ Holy Grail หรือจอกศักดิ์สิทธิ์ในตำนานที่ว่ากันว่าถึงความเป็นอมตะหากใครได้ดื่มนั่นเอง และแน่นอนไม่ว่าใครก้ต้องการตัวแปร X ที่สามารถการันตีกำไรในตัวแปร Y นั่นเองครับ!!! อืมแล้วมันจะมีอยู่จริงไหมน้าาาา???



ผมเองก็ยังไม่สามารถตอบได้ครับ เพราะว่าตัวแปร X ที่ว่านั้นมีอยู่จริงไหม ผมเองก็ยังหาไม่เจอเหมือนกัน เพราะถ้าเจอ ผมก็คงอุบเงียบไว้คนเดียว ในเมื่อมันเป็นวิธีการหาเงินที่การันตีนว่าได้กำไรชัวนี่นา ใช่ไหมครับ!!! แฮะ แฮะ สรุปว่ามีไม่มีผมก็ยังไม่รู้ละกันครับ ไม่ชอบฟันธงด้วยเพราะกลัวหน้าแตก เอาเป็นว่าหากใครที่ยังพยายามมองหาควาามสมบูรณ์แบบในการลงทุนอยู่ล่ะก็ ลองมองออกมาอีกนิดครับ X = True  , Y = False   ;   X And Y = False จากสมการนี้เองทำให้ผมได้คิดว่า ในเมื่อความสมบูรณ์แบบนั้นยังหาไม่เจอ ทำไมเราไม่ลองหยิบจับความน่าจะเป็น Probability ที่พอจะทำให้เราได้กำไรในระยะยาวล่ะ!!!



หากเราลองแทนค่า True = Profit , False = Loss ในตัวแปร Y จะทำให้เราสามารถหาค่าเฉลี่ย AverageProfit และ AverageLoss ออกมาได้จากจำนวนครั้งที่เกิด Profit = n1 ครั้ง , Loss = n2 ครั้ง และจากจำนวน n ครั้งทั้งหมด เราจะได้ค่า Expectancy หรือกำไรคาดหวังนั่งเอง เขียนออกมาเป็นสมการดังนี้

Expectancy = [AvgProfit*(n1/n)] - [AvgLoss*(n2/n)] 

ลองแทนค่าดูครับ ในกรณีนี้ ผมขอยกตัวอย่างให้ AvgProfit = , AvgLoss = 1, n1 = 50 , n2 = 50 น่ะครับ

เมื่อแทนค่าลงไปในสมการจะได้ Expentancy = [2*(50/100)] - [1*(50/100)]
                                                             = 1  -  0.5
                                                             = 0.5

จากสมการนี้ ที่ค่าที่ออกมาเป็นบวก (+) สำหรับทัศนคติในการลงทุนของผมแล้วนั่นก็คือ X And Y = True หรือ Holy Grail แบบย่อมๆฉบับนักลงทุนนั่นเองครับ !!!


ดังนั้นแล้วแทนที่เราจะให้ความสำคัญกับตัวแปร X ผมว่าเรามาเน้นกัันที่ผลลัพธ์หรือตัวแปร Y กันก่อนจะดีกว่า หากจะ Approve ว่า X นั้นใช้ได้จริงๆ คุณต้องทดสอบและเก็บค่าผลลัพธ์จากตัวแปร Y ยิ่งจำนวน n ครั้งมาก ก็ยิ่งดีครับ เพราะจะทำให้ค่าเฉลี่ยของผลลัพธ์ที่เราได้จะทำให้ X มีความน่าเชื่อถือเพิ่มขึ้นอีก!!! 

นี่คือตัวอย่าง Equity Curve ของผลตอบแทนสะสมของ สมการที่มีค่า Expectancy เป็นบวก (+) ครับ




วันพฤหัสบดีที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2555

Part1 ความเชื่อและผลลัพธ์

ในเมื่อความเชื่อและผลลัพธ์ บางครั้งมันก็แสดงความสัมพันธ์ที่ขัดแย้งกัน !!

ในเมื่อหลายๆคนอาจยังหลงคิดผิดๆ 
คิดว่าการลงทุนนั้น ง่ายแสนง่าย เทรดปุ้บปั้บ ก็รับกำไรกันไปง่ายๆ
ถ้ามันง่ายอย่างนั้นก็ไม่ต้องทำงานแล้วลาออกมาเทรดดีกว่าครับ!!!
แต่ช้าก่อนครับ สิ่งที่คุณเห็น อาจจะไม่เป็นอย่างนั้น++
..
หลายคนที่เข้ามาในตลาดใหม่ๆ บางคนอาจเข้ามาแค่เพียงวันเดียวหรือสัปดาห์เดียวก็สามารถทำกำไรได้แล้ว เลยคิดว่ามันง่ายมากสำหรับการทำกำไร หากคุณกำลังคิดแบบนั้นอยู่ จงเลิกคิดและเปลี่ยนทัศนคติใหม่ซะ !!!
..
เพราะว่า สิ่งที่คุณ ทำในวันนี้ มันเป็นแค่ช่วงเวลาเพียงเศษเสี้ยวเดียว ของ History ทั้งหมดของตลาด หมายถึงว่า คุณเพิ่งเข้ามารับรู้แค่บางส่วนของตลาด ที่อาจจะเป็นช่วงที่ดีของตลาด นั่นก็คือ 

"ตลาดกำลังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น และมันอาจเข้ารอยกับวิธีเทรดที่คุณเชื่อและใช้มันอยู่พอดี จึงเกิดเป็นกำไรขึ้นมา"

นี่คุณเพิ่งเข้ามาและรับรู้แค่เศษเสี้ยวเดียวของตลาดเอง จะไปสามารถตัดสินหรือฟันธงอะไรได้ ว่าเงื่อนไขที่คุณใช้เทรดนั้นจะใช้ได้ตลอดเสมอไป ???
..
.
ตัวแปรการตัดสินใจง่ายๆสำหรับผมนั้น ขอยกตัวอย่างง่ายๆแบบนี้ละกัน

X = หลักการหรือแนวคิดที่คุณเชื่อ หรือจะเอาเป็นความศรัทธาที่คุณเชื่อก็ได้
Y = เหตุการณ์หรือผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นเป็น True หรือ False จากแนวคิดหรือหลักการของตัวแปร X

ยกตัวอย่าง :    

คุณเชื่อว่า การซื้อหุ้นเมื่อ RSI เกิด Oversold ( Buy = RSI <30 )
และขายหุ้นเมื่อ RSI เกิด OverBought ( Sell = RSI >70)
เพราะฉะนั้น ค่า X ของคุณคือ เงื่อนไขการซื้อตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น
จากนั้นคุณนำเงื่อนไขของคุณไปทดลองเทรด
ผลปรากฏว่า คุณสามารถทำกำไรได้จริงและเป็นที่น่าพอใจ !!!! 
คุณจึงตัดสินว่าตัวแปร X นี้แหละคือวิธีที่ใช่และสามารถทำกำไรให้กับเราได้ !!!!

ลองมาดูกันเลยดีกว่า สิ่งที่คุณคิดว่าใช่ ผลของมันจะออกมาเป็นอย่างไร



แท่นแท๊นนนน !!! 
ในรูปคือกราฟกำไรขาดทุนสะสม Equity Curve ของเงือนไขดังกล่าว

เส้นสีเขียวคือกราฟกำไรสะสมจากการซื้อเมื่อ RSI > 70 และขายเมื่อ RSI < 30
ส่วนสิ่งที่คุณเชื่อและให้เป็นเงื่อนไข X นั้น คือเส้นสีแดงด้านล่าง !!! กราฟขาดทุนสะสมครับ !!!

และโปรดสังเกตดีๆ ในช่วงที่กราฟตก มันก็จะมีบางช่วงที่กราฟ พยายามชันขึ้นมา
(ได้กำไรมาบ้างตามกรอบสีขาว) นั่นอาจเป็นสิ่งที่คุณพยายาม Approve กับความเชื่อของคุณอยู่ก็เป็นได้จากการทดลองเพียงแค่เศษเสี้ยวเดียวจาก History ของตลาดตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น

ดังนั้นสมการความเชื่อในอุดมคติน่าจะเขียนออกมาได้ดังนี้รึป่าว !!!

X = True  , Y = True     ;     X And Y = True   
X = True  , Y = False    ;    X And Y = False
X = False , Y = True     ;    X And Y = False
X = False , Y = False    ;    X And Y = False

เราจะรู้ได้ไงว่า X = True ผมว่าคงเป็นเรื่องที่ยากมากๆ ที่จะหาค่าความเชื่อที่จะเป็น True และ ทำให้ Y ออกมาเป็น True ได้ แล้วแบบนี้เราควรจะทำอย่างไรดี ???
ใจเย็นๆครับ ผม มีทางออกให้ !!!
แต่ขอพักแปปนึงครับเดี๋ยวมาเขียนต่อ